วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562


สงครามโลกครั้งที่ 1 
(World War I ค.ศ. 1914-1918)

สรุปง่ายๆ จาก ช่อง Point of View
ทดสอบก่อน สงครามโลกครั้งที่ 1

สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I) เป็นสงครามครั้งใหญ่ที่เกิดจากความขัดแย้งของประเทศในทวีปยุโรป และลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 30 ประเทศ สร้างความเสียหายให้แก่สังคมโลกอย่างร้ายแรง จึงมีผู้เรียกสงครามนี้อีกอย่างหนึ่งว่า มหาสงคราม (Great War) เป็นสครามที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 และสิ้นสุดลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918
สาเหตุของสงคราม
1. ลัทธิชาตินิยม หลังสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่าง ค.ศ. 1870-1871 ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องยอมเสียแคว้นอัลซาซ-ลอร์เรน (Alsac-Lorraine) ให้เยอรมนี จักรวรรดิฝรั่งเศสล่มสลาย ส่วนอิตาลีสามารถรวมชาติได้ ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยมในหมู่ชาวฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี
            2.การแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้ชาวยุโรปแสวงหาอาณานิคมซึ่งอาจเกิดจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ การแข่งขันทางการเมือง เพื่อวัดความยิ่งใหญ่ของประเทศในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีหลายชาติที่กลายเป็นประเทศจักรวรรดินิยมในทวีปเอเชียและแอฟริกา ดินแดนทั้ง 2 ทวีปจึงตกเป็นอาณานิคมของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ประเทศที่ไม่ได้เป็นอาณานิคมก็ยังถูกอิทธิพลของประเทศจักรวรรดินิยมครอบงำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
            3. มหาอำนาจแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย เมื่อชาติมหาอำนาจมีความขัดแย้งกัน คือ กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วย เยอรมนี อิตาลี ออสเตรีย-ฮังการี ได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีภาคี (Triple Alliances) ภายหลังรัสเซียได้ถอนตัวออกไปและอิตาลีมาสมทบ กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วย ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศความตกลงไตรภาคี (Triple Entente) ซึ่งต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เมื่อเกิดความรุนแรงขึ้นจึงหาทางออกด้วยการทำสงคราม
            4. ความไม่มั่นคงทางการเมืองในคาบสมุทรบอลข่าน สงครามระหว่างออสเตรีย-ฮังการีกับเซอร์เบียใน ค.ศ. 1914 ทำให้รัสเซียเข้ามาช่วยเซอร์เบีย เยอรมนีจึงประกาศสงครามกับรัสเซีย ฝรั่งเศสและอังกฤษจึงปฏิบัติตามข้อผูกพันต่อพันธมิตร ทำให้สงครามขยายออกไปนอกยุโรป


สถานการณ์ของสงคราม
                แนวรบด้านตะวันตก กองทัพเยอรมันได้บุกผ่านดินแดนประเทศเบลเยียมอย่างรวดเร็วตามแผนชลีฟเฟิน (The Schlieffen Plan) เพื่อโจมตีฝรั่งเศส โดยสามารถยึดเบลเยียมได้เกือบทั้งประเทศและดินอดนภาคเหนือของฝรั่งเศส แต่ได้รับการต่อต้านจากฝ่ายพันธมิตรจนไม่อาจรุกต่อไปยังเมืองปารีสได้ กองทัพทั้งสองฝ่ายได้ตั้งยันทัพกันอยู่เป็นเวลาถึง 3 ปี
            แนวรบด้านตะวันออก รัสเซียส่งกองทัพเข้าโจมตีเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ในระยะแรกกองทัพรัสเซียเป็ยฝ่ายได้ชัยชนะ แต่หลังจาก ค.ศ. 1915 แล้วกองทัพรัสเซียก็ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ กองทัพเยอรมันเข้ายึดได้เมืองวอร์ซอและเมืองวิลนาในโปแลนด์ เป็นผลให้รัสเซียต้องสูญเสียทหารทั้งตายและบาดเจ็บกว่า 1 ล้านคน กองทัพรัสเซียพยายามรวมพลสู้รบกับกองทัพเยอรมันอีกใน ค.ศ. 1916 แต่ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีก


กองกำลังทหารของอังกฤษพร้อมรถถังในการรบที่แม่น้ำซอม ซึ่งเป็นยุทธภูมิของภาคเหนือในฝรั่งเศส

แนวรบด้านคาบสมุทรบอลข่าน กองทัพออสเตรีย-ฮังการีไม่สามารถเอาชนะเซอร์เบียได้ แต่เมื่อตุรกีและบัลแกเรียเข้าช่วยฝ่ายมหาอำนาจกลางใน ค.ศ. 1915 กองทัพฝ่ายมหาอำนาจกลางก็สามารถเข้ายึดครองประเทศเซอร์เบีย แอลเบเนีย และมอนเตรเนโกรได้ในเวลาต่อมา
แนวรบทางทะเล กองทัพเรืออังกฤษสามารถเอาชนะกองทัพเรือเยอรมัน และสามารถตัดขาดเส้นทางคมนาคมทางทะเลทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้สำเร็จ ในระยะต่อมาเยอรมนีหันไปใช้ยุทธการเรือดำน้ำทำลายเรือรบและเรือสินค้าทุกชาติที่เข้าไปรอบๆ เกาะอังกฤษ ใน ค.ศ. 1915 เรือดำน้ำเยอรมันจมเรือโดยสารอังกฤษชื่อ ลูซิแทเนีย (Lusitania) ส่งผลให้ชาวอเมริกันที่โดยสารมาด้วยเสียชีวิต แม้รัฐบาลอเมริกันจะประท้วง แต่เยอรมนีก็ยังคงทำสงครามด้วยเรือดำน้ำต่อไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แกสหรัฐอเมริกามากจึงตัดสินใจเข้าช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร โดยประกาศสงครามกับเยอรมนีเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1917
การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐอเมริกา หลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศสงครามกับเยอรมนี แล้วก็ส่งทหารพร้อมกับยุทโธปกรณ์ทางบก เรือ และอากาศเข้าร่วมรบและสามารถปราบเรือดำน้ำของเยอรมนีอย่างได้ผลดี นับแต่ ค.ศ. 1918 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มกำลังทหารเข้าไปในยุโรปมากขึ้นจนถึงจำนวนกว่า 1 ล้านคน และได้ชัยชนะในการรบที่แม่น้ำมาร์น ครั้งที่ 2 หลังจากนั้นกองทัพเยอรมันก็ตกเป็นฝ่ายเลียเปรียบและเริ่มล่าถอย ส่วนประเทศพันธมิตรของเยอรมนี ได้แก่ ออสเตรีย-ฮังการี บัลแกเรีย และตุรกีก็เริ่มพ่ายแพ้ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ออสเตรีย-ฮังการีแยกเป็น 2 ประเทศ และขอทำสัญญาขอสงบศึก ต่อมาในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 เยอรมนีลงนามในสัญญาสงบศึก สงครามโลกครั้งที่ 1 จึงได้ยุติลง

ผลของสงคราม
            สงครามโลกครั้งที่ 1 มีการสู้รบกันเป็นเวลานานถึง 4 ปี 3 เดือน สิ้นสุดลงเมื่อเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 เมื่อเยอรมนีประสบความพ่ายแพ้ยอมยุติสงคราม ผลของสงครามได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ทั้ง 2 ฝ่าย กล่าวคือ
1. ทางด้านสังคม สงครามโลกครั้งที่ 1 มีทหารทั้งฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลางเข้าร่วมประมาณ 65 ล้านคน ทหารได้เสียชีวิตบาดเจ็บ และมีผู้กลายเป็นคนพิการตลอดชีวิตจำนวนมาก การรบที่เกิดความสูญเสียครั้งสำคัญ คือ ยุทธการที่แวร์เดิง (Bottle of Verdun) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์-19 ธันวาคม ค.ศ. 1916 ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกจับเป็นเชลยกว่า 1.5 ล้านคน นอกจากนี้สงครามโลกครั้งที่ 1 ยังทำให้สูญเสียชืวืตพลเรือนนับล้านคน สงครามครั้งนี้ทำให้เกิดปัญหาชนพลัดถิ่น ปัญหาโรคจิตที่เกิดจากการกลัวภัยสงคราม และปัญหาผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพเป็นจำนวนมาก
2. ทางด้านการเมือง ทำให้ยุโรปอ่อนแอลง ประเทศมหาอำนาจกลาง เช่น เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และตุรกี ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องล่มสลายลงโดยต้องเสียอาณานิคม ดินแดนในครอบครอง อิทธิพลทางการค้า และถูกลดกำลังทหารและอาวุธลง  ประเทศที่ชนะสงครามในยุโรปก็ประสบปัญหาจากสงครามเช่นกัน เพราะสมรภูมิรบอยู่ในยุโรป และเป็นผลให้เกิดมหาอำนาจใหม่ขึ้น คือ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
3. ทางด้านเศรษฐกิจ สงครามครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างทุ่มทุนอย่างมหาศาลเพื่อผลิตอาวุธใหม่ๆ เช่น ปืนใหญ่ ปืนกล เรือรบ เครื่องบิน ระเบิด รถถัง เรือดำน้ำ แก๊สพิษ เพราะหวังจะได้รับชัยชนะจากการทำลายล้างโดยอาวุธเหล่านี้ นอกจากประสงค์ต่อชีวิตของข้าศึกแล้วยังสร้างความเสียหายแกสถานที่ราชการ บ้านเรือน สะพาน ถนน สนามบิน และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ส่วนฝ่ายแพ้สงครามก็ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามตามสนธิสัญญา แม้แต่ฝ่ายที่ชนะสงครามก็ต้องรับผิดชอบลี้ยงดูผู้ประสบภัยพิบัติจากสงครามจนทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก


ซากปรักหักพังของเมืองอีปร์

ทดสอบหลัง สงครามโลกครั้งที่ 1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แบบทดสอบ เหตุการณ์ 14 ตุลา เหตุการณ์ 14 ตุลา เรียกว่า วันอะไร   ก.       กบฏบวรเดช ข.       วันมหาวิปโยค ค.       การรัฐประหาร ...