สงครามโลกครั้งที่ 1
(World War I ค.ศ. 1914-1918)
สงครามโลกครั้งที่
1 (World War I) เป็นสงครามครั้งใหญ่ที่เกิดจากความขัดแย้งของประเทศในทวีปยุโรป
และลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 30 ประเทศ
สร้างความเสียหายให้แก่สังคมโลกอย่างร้ายแรง
จึงมีผู้เรียกสงครามนี้อีกอย่างหนึ่งว่า มหาสงคราม (Great War) เป็นสครามที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914
และสิ้นสุดลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918
สาเหตุของสงคราม
1. ลัทธิชาตินิยม หลังสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย
ระหว่าง ค.ศ. 1870-1871 ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องยอมเสียแคว้นอัลซาซ-ลอร์เรน
(Alsac-Lorraine) ให้เยอรมนี จักรวรรดิฝรั่งเศสล่มสลาย ส่วนอิตาลีสามารถรวมชาติได้
ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยมในหมู่ชาวฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี
2.การแข่งขันกันแสวงหาอาณานิคม การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้ชาวยุโรปแสวงหาอาณานิคมซึ่งอาจเกิดจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ
การแข่งขันทางการเมือง เพื่อวัดความยิ่งใหญ่ของประเทศในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีหลายชาติที่กลายเป็นประเทศจักรวรรดินิยมในทวีปเอเชียและแอฟริกา
ดินแดนทั้ง 2 ทวีปจึงตกเป็นอาณานิคมของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด
ประเทศที่ไม่ได้เป็นอาณานิคมก็ยังถูกอิทธิพลของประเทศจักรวรรดินิยมครอบงำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
3. มหาอำนาจแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย เมื่อชาติมหาอำนาจมีความขัดแย้งกัน คือ กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วย เยอรมนี
อิตาลี ออสเตรีย-ฮังการี ได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีภาคี (Triple Alliances) ภายหลังรัสเซียได้ถอนตัวออกไปและอิตาลีมาสมทบ
กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วย ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ
ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศความตกลงไตรภาคี (Triple Entente) ซึ่งต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
เมื่อเกิดความรุนแรงขึ้นจึงหาทางออกด้วยการทำสงคราม
4.
ความไม่มั่นคงทางการเมืองในคาบสมุทรบอลข่าน สงครามระหว่างออสเตรีย-ฮังการีกับเซอร์เบียใน ค.ศ. 1914
ทำให้รัสเซียเข้ามาช่วยเซอร์เบีย เยอรมนีจึงประกาศสงครามกับรัสเซีย
ฝรั่งเศสและอังกฤษจึงปฏิบัติตามข้อผูกพันต่อพันธมิตร ทำให้สงครามขยายออกไปนอกยุโรป
สถานการณ์ของสงคราม
แนวรบด้านตะวันตก กองทัพเยอรมันได้บุกผ่านดินแดนประเทศเบลเยียมอย่างรวดเร็วตามแผนชลีฟเฟิน
(The Schlieffen Plan) เพื่อโจมตีฝรั่งเศส
โดยสามารถยึดเบลเยียมได้เกือบทั้งประเทศและดินอดนภาคเหนือของฝรั่งเศส
แต่ได้รับการต่อต้านจากฝ่ายพันธมิตรจนไม่อาจรุกต่อไปยังเมืองปารีสได้
กองทัพทั้งสองฝ่ายได้ตั้งยันทัพกันอยู่เป็นเวลาถึง 3 ปี
แนวรบด้านตะวันออก รัสเซียส่งกองทัพเข้าโจมตีเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี
ในระยะแรกกองทัพรัสเซียเป็ยฝ่ายได้ชัยชนะ แต่หลังจาก ค.ศ. 1915
แล้วกองทัพรัสเซียก็ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ กองทัพเยอรมันเข้ายึดได้เมืองวอร์ซอและเมืองวิลนาในโปแลนด์
เป็นผลให้รัสเซียต้องสูญเสียทหารทั้งตายและบาดเจ็บกว่า 1 ล้านคน
กองทัพรัสเซียพยายามรวมพลสู้รบกับกองทัพเยอรมันอีกใน ค.ศ. 1916
แต่ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีก
กองกำลังทหารของอังกฤษพร้อมรถถังในการรบที่แม่น้ำซอม
ซึ่งเป็นยุทธภูมิของภาคเหนือในฝรั่งเศส
แนวรบด้านคาบสมุทรบอลข่าน กองทัพออสเตรีย-ฮังการีไม่สามารถเอาชนะเซอร์เบียได้
แต่เมื่อตุรกีและบัลแกเรียเข้าช่วยฝ่ายมหาอำนาจกลางใน ค.ศ. 1915
กองทัพฝ่ายมหาอำนาจกลางก็สามารถเข้ายึดครองประเทศเซอร์เบีย แอลเบเนีย
และมอนเตรเนโกรได้ในเวลาต่อมา
แนวรบทางทะเล กองทัพเรืออังกฤษสามารถเอาชนะกองทัพเรือเยอรมัน
และสามารถตัดขาดเส้นทางคมนาคมทางทะเลทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้สำเร็จ
ในระยะต่อมาเยอรมนีหันไปใช้ยุทธการเรือดำน้ำทำลายเรือรบและเรือสินค้าทุกชาติที่เข้าไปรอบๆ
เกาะอังกฤษ ใน ค.ศ. 1915 เรือดำน้ำเยอรมันจมเรือโดยสารอังกฤษชื่อ ลูซิแทเนีย (Lusitania) ส่งผลให้ชาวอเมริกันที่โดยสารมาด้วยเสียชีวิต
แม้รัฐบาลอเมริกันจะประท้วง แต่เยอรมนีก็ยังคงทำสงครามด้วยเรือดำน้ำต่อไป
ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แกสหรัฐอเมริกามากจึงตัดสินใจเข้าช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร
โดยประกาศสงครามกับเยอรมนีเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1917
การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐอเมริกา หลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศสงครามกับเยอรมนี
แล้วก็ส่งทหารพร้อมกับยุทโธปกรณ์ทางบก เรือ
และอากาศเข้าร่วมรบและสามารถปราบเรือดำน้ำของเยอรมนีอย่างได้ผลดี นับแต่ ค.ศ. 1918
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มกำลังทหารเข้าไปในยุโรปมากขึ้นจนถึงจำนวนกว่า 1 ล้านคน
และได้ชัยชนะในการรบที่แม่น้ำมาร์น ครั้งที่ 2
หลังจากนั้นกองทัพเยอรมันก็ตกเป็นฝ่ายเลียเปรียบและเริ่มล่าถอย
ส่วนประเทศพันธมิตรของเยอรมนี ได้แก่ ออสเตรีย-ฮังการี บัลแกเรีย
และตุรกีก็เริ่มพ่ายแพ้ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ออสเตรีย-ฮังการีแยกเป็น 2
ประเทศ และขอทำสัญญาขอสงบศึก ต่อมาในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
เยอรมนีลงนามในสัญญาสงบศึก สงครามโลกครั้งที่ 1 จึงได้ยุติลง
ผลของสงคราม
สงครามโลกครั้งที่ 1 มีการสู้รบกันเป็นเวลานานถึง 4 ปี 3
เดือน สิ้นสุดลงเมื่อเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
เมื่อเยอรมนีประสบความพ่ายแพ้ยอมยุติสงคราม ผลของสงครามได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ทั้ง
2 ฝ่าย กล่าวคือ
1. ทางด้านสังคม สงครามโลกครั้งที่ 1
มีทหารทั้งฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลางเข้าร่วมประมาณ 65 ล้านคน
ทหารได้เสียชีวิตบาดเจ็บ และมีผู้กลายเป็นคนพิการตลอดชีวิตจำนวนมาก
การรบที่เกิดความสูญเสียครั้งสำคัญ คือ ยุทธการที่แวร์เดิง (Bottle of Verdun) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์-19 ธันวาคม ค.ศ. 1916
ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกจับเป็นเชลยกว่า 1.5 ล้านคน
นอกจากนี้สงครามโลกครั้งที่ 1 ยังทำให้สูญเสียชืวืตพลเรือนนับล้านคน
สงครามครั้งนี้ทำให้เกิดปัญหาชนพลัดถิ่น ปัญหาโรคจิตที่เกิดจากการกลัวภัยสงคราม
และปัญหาผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพเป็นจำนวนมาก
2. ทางด้านการเมือง
ทำให้ยุโรปอ่อนแอลง ประเทศมหาอำนาจกลาง เช่น เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และตุรกี
ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องล่มสลายลงโดยต้องเสียอาณานิคม ดินแดนในครอบครอง
อิทธิพลทางการค้า และถูกลดกำลังทหารและอาวุธลง ประเทศที่ชนะสงครามในยุโรปก็ประสบปัญหาจากสงครามเช่นกัน
เพราะสมรภูมิรบอยู่ในยุโรป และเป็นผลให้เกิดมหาอำนาจใหม่ขึ้น คือ
สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
3. ทางด้านเศรษฐกิจ
สงครามครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างทุ่มทุนอย่างมหาศาลเพื่อผลิตอาวุธใหม่ๆ เช่น ปืนใหญ่
ปืนกล เรือรบ เครื่องบิน ระเบิด รถถัง เรือดำน้ำ แก๊สพิษ
เพราะหวังจะได้รับชัยชนะจากการทำลายล้างโดยอาวุธเหล่านี้
นอกจากประสงค์ต่อชีวิตของข้าศึกแล้วยังสร้างความเสียหายแกสถานที่ราชการ บ้านเรือน
สะพาน ถนน สนามบิน และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ส่วนฝ่ายแพ้สงครามก็ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามตามสนธิสัญญา
แม้แต่ฝ่ายที่ชนะสงครามก็ต้องรับผิดชอบลี้ยงดูผู้ประสบภัยพิบัติจากสงครามจนทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น