รัฐประหารในประเทศไทย
พ.ศ. 2557
รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เกิดขึ้นเมื่อวันที่
22 พฤษภาคม 2557 เวลา 16:30 น. โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อันมี ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ
รัฐประหารโค่นรัฐบาลรักษาการนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นับเป็นรัฐประหารครั้งที่
13 ในประวัติศาสตร์ไทย รัฐประหารดังกล่าวเกิดขึ้นหลังวิกฤตการณ์การเมืองซึ่งเริ่มเมื่อเดือนตุลาคม 2556
เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ และอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร ในการเมืองไทย
ก่อนหน้านั้นสองวัน คือ วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่เวลา 3.00
น. กองทัพบกตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.)
และให้ยกเลิกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)
ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งขึ้น กอ.รส. ใช้วิธีการปิดควบคุมสื่อ
ตรวจพิจารณาเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต
และจัดประชุมเพื่อหาทางออกวิกฤตการณ์การเมืองของประเทศ แต่การประชุมไม่เป็นผล
จึงเป็นข้ออ้างรัฐประหารครั้งนี้
หลังรัฐประหาร มีประกาศให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลงยกเว้นหมวด 2 คณะรัฐมนตรีรักษาการหมดอำนาจ ตลอดจนให้ยุบวุฒิสภา
จนเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร
วุฒิสภา และรัฐสภา วันที่ 21 สิงหาคม 2557 สภาฯ มีมติเลือก พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
หลายประเทศประณามรัฐประหารครั้งนี้
รวมทั้งมีการกดดันต่าง ๆ เช่น ลดกิจกรรมทางทหารและลดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
บางประเทศวางตัวเป็นกลาง แต่คนไทยจำนวนหนึ่งแสดงความยินดี
โดยมองว่าเป็นทางออกของวิกฤตการณ์การเมือง แต่ก็มีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย
เนื่องจากไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย
เบื้องหลัง
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง
และตั้งรัฐบาลใหม่โดยมียิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี
มีการประท้วงต่อต้านการเสนอกฎหมายร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ภายหลัง สุเทพตั้งคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตั้ง "สภาประชาชน"
ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อดูแลการปฏิรูปการเมือง กลุ่มนิยมรัฐบาล รวมทั้ง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
จัดชุมนุมเช่นกัน มีความรุนแรงเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ในเดือนธันวาคม 2556 ยิ่งลักษณ์ยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
การเลือกตั้งไม่เสร็จสมบูรณ์ในวันนั้นเพราะถูกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลขัดขวาง ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนการเลือกตั้ง ในวันที่ 7
พฤษภาคม 2557
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ให้ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีที่มีมติย้ายข้าราชการระดับสูงซึ่งเป็นที่โต้เถียงในปี
2554 พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีที่เหลืออยู่เลือกนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เป็นผู้ปฏิบัติราชการนายกรัฐมนตรีแทนยิ่งลักษณ์
พลเอกประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์ ว่า
"การตัดสินใจยึดอำนาจเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต ตนใช้เวลามากกว่า 6
เดือนเพื่อตัดสินใจ ไม่ได้ตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าจะทำการรัฐประหาร เพียงแต่ตนไม่สามารถปล่อยให้ประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้" วันมูหะมัดนอร์ มะทา นักการเมือง
อ้างว่าพลเอกประยุทธ์เคยกล่าวว่า "อย่าใครคิดสู้นะ ถึงสู้ก็สู้ไม่ได้
ผมเตรียมการเรื่องนี้มา 3 ปีกว่า"
สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เปิดเผยว่า ตนพูดคุยกับพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชาให้ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของทักษิณและพันธมิตรนับแต่การชุมนุมทางการเมืองในปี 2553 เขากล่าวว่า
ได้ติดต่อเป็นประจำผ่านแอพไลน์ ก่อนรัฐประหาร พลเอกประยุทธ์ติดต่อเขาว่า "คุณสุเทพ คุณกับมวลมหาประชาชน กปปส.เหนื่อยเกินไปแล้ว ต่อไป
ขอเป็นหน้าที่กองทัพบกที่จะทำภารกิจนี้แทน" และกองทัพได้รับข้อเสนอของ
กปปส. หลายอย่าง เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ด้านโฆษก
คสช. ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว แหล่งข่าวว่า พลเอกประยุทธ์
"อารมณ์เสียมาก"
ลำดับเหตุการณ์
วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 เวลา 03:30 น. กำลังทหารพร้อมอาวุธเข้าควบคุมสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ตามคำสั่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เวลา 06:30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กอ.รส. และออกคำสั่ง 12 ฉบับ วันที่ 21 พฤษภาคม 2557 มีประกาศ กอ.รส. เรียกตัวแทนจาก 7 ฝ่ายเข้าร่วมประชุมที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต
วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ในประชุมร่วม 7 ฝ่าย ประยุทธ์สอบถามชัยเกษม นิติสิริ ในฐานะหัวหน้าตัวแทนฝ่ายรัฐบาลว่ารัฐบาลยืนยันไม่ลาออกใช่หรือไม่
ชัยเกษมตอบว่า ต้องการดำเนินการต่อจนกว่าจะครบวาระตามกฎหมาย พลเอกประยุทธ์จึงตอบกลับว่าจะยึดอำนาจการปกครองด้วยประโยคที่ว่า
"หากเป็นแบบนี้ ผมขอโทษด้วยนะที่ต้องยึดอำนาจ" และสั่งจับกุมสมาชิกคณะรัฐมนตรี ตลอดจนแกนนำ กปปส., นปช.
และพรรคการเมืองที่เข้าร่วมเจรจา ทั้งหมดถูกนำไปกักขัง ที่กรมทหารราบที่ 1
มหาดเล็กรักษาพระองค์[18] ต่อมา เวลา 16:30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศตั้ง
"คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" (คสช.)
ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการทันที
คสช. ออกคำสั่งให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลง เว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์
นอกเหนือจากนี้ ยังสั่งยุบคณะรัฐมนตรีรักษาการ แต่ยังให้ศาลและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญยังทำหน้าที่ต่อ คสช.
ออกประกาศให้หัวหน้าคณะใช้อำนาจหน้าของนายกรัฐมนตรีตามกฎหมาย และวางตัวสมาชิกสั่งการกระทรวงและส่วนราชการที่เทียบเท่า วันที่ 24 พฤษภาคม คสช. ยุบวุฒิสภาและให้หัวหน้าคณะมีอำนาจนิติบัญญัติ คสช. ยังสั่งให้อำนาจตุลาการดำเนินการภายใต้คำสั่ง
รักษาการนายกรัฐมนตรี นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการเจรจา
7 ฝ่าย เดินทางออกจากสำนักงานที่กระทรวงการคลังทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม คสช. สั่งให้เขาและคณะรัฐมนตรีที่ไม่ถูกจับกุมมารายงานตัวภายในวันเดียวกัน มีรายงานว่านิวัฒน์ธำรงพยายามตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงเทพมหานคร
แต่สถานทูตปฏิเสธ นิวัฒน์ธำรงและยิ่งลักษณ์มารายงานตัวต่อ คสช. ในเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม
2557
วันที่ 25 พฤษภาคม คสช.
ให้ศาลทหารมีอำนาจไต่สวนคดีเกี่ยวกับความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์
ความมั่นคงของชาติหรือละเมิดคำสั่งของ คสช.
วันที่ 26 พฤษภาคม มีพิธีสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า
คสช. พระบรมราชโองการดังกล่าวถูกมองว่าเป็นหัวใจสร้างความชอบธรรมแก่รัฐประหาร
·
31 กรกฎาคม 2557 – คสช. แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชุดแรก
และมีพิธีเปิดในวันที่ 7 สิงหาคม
·
21 สิงหาคม 2557 – สนช. ลงมติเลือกพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นนายกรัฐมนตรี (พระบรมราชโองการแต่งตั้งในวันที่ 25 สิงหาคม)
·
6 ตุลาคม 2557 – คสช. แต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ 250 คน
โดยมีอำนาจเสนอข้อเสนอปฏิรูปและรับรองรัฐธรรมนูญใหม่
·
4 พฤศจิกายน 2557 – มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 36 คน
·
6 กันยายน 2558 – สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
มีการยุบสภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
·
5 ตุลาคม 2558 – คสช. เลือกสมาชิกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 21
คนและพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาแต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 200
คนเพื่อควบคุมดูแลแผนการปฏิรูปของ คสช.
·
29 มีนาคม 2559 – มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
(กรธ.) เปิดร่างรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายแก่สาธารณะ
·
23 เมษายน 2559 – พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2559 มีผลใช้บังคับ
·
7 สิงหาคม 2559 – มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย
พ.ศ. 2559 ซึ่งร้อยละ 61.35 เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ และร้อยละ 58.07
เห็นชอบบทเฉพาะกาลให้สมาชิกวุฒิสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้มีอำนาจร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
·
16 กรกฎาคม 2562 – คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 62 (นำโดยพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา) เข้าปฏิบัติหน้าที่ คสช. สิ้นสุดลงโดยโอนหน้าที่ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
เหตุผล
วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ทหารแจกใบปลิวให้ประชาชนที่สัญจรย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื้อหาระบุเหตุผลที่
คสช. ยึดอำนาจ ดังนี้
1.
มีความขัดแย้งทางความคิดการเมืองอย่างรุนแรงจนถึงระดับครอบครัวคนไทย
2.
การใช้อำนาจการปกครองแบบเดิมไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการกระทำผิด
4.
การชุมนุมทางการเมืองส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนทุกหมู่เหล่า
ทำให้ประชาชนแตกความสามัคคี
6.
การบังคับใช้กฎหมายต่อปัญหาข้างต้น บังคับใช้ไม่ได้ทุกกลุ่ม
ทำให้เกิดความหวาดระแวง เกลียดชังกันในหมู่ประชาชนเป็นวงกว้าง
มีการยุยงปลุกปั่นให้ใช้ความรุนแรง
7.
การบริหารราชการแผ่นดินไม่สามารถกระทำได้อย่างเด็ดขาด
ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติ และความทุกข์ของประชาชน
9.
การปลุกระดมมวลชนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
10.
มีการจัดตั้งและใช้กองกำลังติดอาวุธ
คณะรัฐประหารให้คำมั่นว่าจะกวาดล้างการฉ้อราษฎร์บังหลวง
ลดความตึงเครียดทางการเมือง เปลี่ยนสภาพเศรษฐกิจไทย
แก้ไขปัญหาระบบการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานของไทย
และการจัดสรรงบประมาณของรัฐอย่าเสมอภาคตามภูมิภาคต่าง ๆ
กองทัพสถาปนาตนเป็นผู้ปกครองโดยส่งเสริมสถานภาพ ขอบเขตอำนาจ
งบประมาณและกำลังคน
นอกจากนี้ยังเพิ่มภาวะครอบงำตามกลไกรัฐธรรมนูญโดยลดอิทธิพลของพรรคการเมืองและประชาสังคมวิสัยทัศน์ของผู้นำคณะรัฐประหารนั้นมองว่ารัฐประหารเป็นไปเพื่อพิทักษ์อำนาจและผลประโยชน์ที่สั่นคลอนเนื่องจากสามปัจจัย
ได้แก่ ปัจจัยการสืบราชสันตติวงศ์
ปัจจัยพรรคการเมืองฝ่ายทักษิณที่ชนะการเลือกตั้งทุกครั้งนับแต่ปี 2544
และการถือกำเนิดของการเมืองมวลชนผู้นำคณะรัฐประหารยังมุ่งจัดอำนาจกองทัพตั้งมั่นในระบบการเมืองไทยระยะยาวโดยรวบโครงสร้างของรัฐเข้าสู่ศูนย์กลาง
นับว่าแตกต่างจากรูปแบบการแบ่งปันอำนาจระหว่างกองทัพกับนักธุรกิจในสมัยพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่เรียก
"ประชาธิปไตยครึ่งใบ"
ระบอบเผด็จการ
|
|
|
|
|
|
|
|
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรัฐประหาร |
|
|
|
|
|
||||||||||
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
||||
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
||||
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
|
|||||||||||||||||||||||
·
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
เป็นองค์การทรงอำนาจที่สุดหลังรัฐประหาร ซึ่งคณะรัฐประหารควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ
มีการกำหนดให้หัวหน้าคณะ (พลเอกประยุทธ์)
ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ยังไม่มีนายกรัฐมนตรี และกำหนดตัวสมาชิกดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่าง
ๆ พลเอกประยุทธ์ตั้งต้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนการมอบอำนาจให้ผู้อื่นเช่นในรัฐประหารปี 2549 จนถึงวันที่
22 พฤษภาคม 2562 คสช. ออกประกาศ 132 ฉบับ คำสั่ง 214 ฉบับ และคำสั่งหัวหน้า คสช.
อีก 207 ฉบับ
·
คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ ประกอบด้วยนายทหารเป็นส่วนใหญ่
โดยมีทหารควบคุมกระทรวงสำคัญ ๆ นอกเหนือจากกระทรวงด้านความมั่นคงอย่างเดียว
จนสุดท้ายเกิดความไร้สามารถและความผิดพลาดร้ายแรงจนต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเป็นพลเรือนที่มีความสามารถมากกว่าแทน
·
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นสภาตรายางของคณะรัฐประหาร
ในบรรดาสมาชิกจากการแต่งตั้ง 250 คน เป็นทหาร 145 คน (58%)
ซึ่งมีผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพทุกนายตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมาด้วย
นอกจากนี้ยังมีคติเห็นแก่ญาติ คือมีการแต่งตั้งอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา
เพื่อนร่วมรุ่น จปร. และน้องชายของประยุทธ์ด้วย นับเป็นการตั้งตระกูลการเมืองในระบอบทหารสภานี้คล้ายกับข้อเรียกร้องสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศของ
กปปส. มีการยุบสภาดังกล่าวในปี 2558 หลัง สนช.
ลงมติคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ
·
สภาปฏิรูปแห่งชาติมีสมาชิกจากการแต่งตั้ง 250
คนเพื่อประมวลข้อเสนอการปฏิรูปประเทศ เป็นสภาที่ไม่มีอำนาจ แต่เป็นวิธีของ คสช.
ในการตอบแทนขบวนการต่อต้านทักษิณในประชาสังคมและสังคมการเมืองซึ่งเปิดทางให้รัฐประหารครั้งนี้เพื่อให้คนเหล่านี้มีพื้นที่สาธารณะในการแสดงข้อเรียกร้องของพวกตน
สมาชิกสภาฯ นี้มองเห็นโอกาสในการผลักดันวาระของพวกตน และช่วยค้ำจุนระบอบรัฐประหารโดยการประสานงานกับคนหลายกลุ่ม
และสร้างฐานสนับสนุนในสังคม
ผลลัพธ์
ผลทางการเมือง
ในห้วงการสืบราชสันตติวงศ์ในเดือนตุลาคม 2559
กองทัพอยู่ในฐานะที่กำลังสร้างความสัมพันธ์กับนายทุนที่มีอิทธิพลคล้ายกับสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (พ.ศ. 2501–06) กลายเป็นผู้ปกครองที่ควบคุม
ชี้นำและตัดสินใจการกระจายอำนาจและผลประโยชน์ในรัชกาลใหม่นี้กองทัพยังกีดกันการเข้าถึงอำนาจและการตั้งกลุ่มอภิชนใหม่ด้วย
มีการเพิ่มเอกสิทธิ์ เงินเดือนและกำลังพล ขยายอำนาจของกองทัพ ส่งนายทหารเข้าควบคุมรัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้
วุฒิสภาจากการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังทำให้กองทัพกลายเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดที่มีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
คณะรัฐประหารยังควบคุมประชาธิปไตยแบบฝ่ายข้างมากด้วย
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกแบบมาให้กองทัพ ฝ่ายตุลาการและองค์กรอิสระ ซึ่งล้วนไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
มีอำนาจมากขึ้น มีการสร้างระบบการเลือกตั้งใหม่ เรียก ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำให้พรรคการเมืองครองฝ่ายข้างมากได้ยาก
พรรคการเมืองขนาดใหญ่และเล็กจะได้รับผลเสียจากระบบดังกล่าวรัฐบาลถูกตัดสิทธิ์ได้ง่าย
การนำนโยบายไปปฏิบัติอยู่ภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ
รวมทั้งรัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ คสช. วางไว้ด้วย ในปี
2559 คสช. สั่งเลื่อนการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น และสรรหาบุคคลลงตำแหน่งว่างแทน
คสช. พยายามแก้ไขปัญหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของข้าราชการด้วยการใช้มาตรา
44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีคำสั่งถอดถอนหรือโยกย้ายข้าราชการโดยมีเป้าหมายหลักไปยังผู้ที่ภักดีต่อรัฐบาลทักษิณหรือยิ่งลักษณ์
มีการถอดถอนข้าราชการระดับปลัดกระทรวงหรืออธิบดีกรมรวม 69
คนซึ่งไม่เคยปรากฏในรัฐบาลใดมาก่อน[35]:291 ผลทำให้สถาบันข้าราชการประจำเสียขวัญฏำลังใจและอ่อนแอลง
ผลทางเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐตั้งข้อสังเกตว่า
การบริหารประเทศหลังรัฐประหารครั้งนี้เน้นการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นวัตถุประสงค์หลัก
คสช. เริ่มให้ ธ.ก.ส. นำเงินสภาพคล่อง 40,000 ล้านบาทมาจ่ายหนี้โครงการรับจำนำข้าว 92,000 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 เดือนมิถุนายน 2557 ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีระยะเวลาดำเนินการในปี 2558–2565 กรอบเงินลงทุน 3 ล้านล้านบาท
โดยเพิ่มแผนแม่บทโครงการทางอากาศจากแผนแม่บท 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่สามารถใช้เงินลงทุนของตัวเอง วันที่
1 สิงหาคม คสช. อนุมัติโครงการขนส่งทางรางมูลค่า 741,000
ล้านบาทเพื่อเชื่อมกับประเทศจีนโดยตรงภายในปี 2564 และจนถึงวันเดียวกัน
คสช. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายไปแล้ว 304,969 ล้านบาท
หลัง คสช. ประกาศเมื่อวันที่ 11
มิถุนายนว่าจะจัดการกับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในประเทศไทย ผู้อพยพต่างด้าวจำนวนมากออกนอกประเทศทันทีในวันเดียวกัน วันที่ 16 มิถุนายน ชาวกัมพูชากว่า 180,000
คนหนีออกนอกประเทศไทย ฝ่ายแรงงานพม่าไม่ออกจากประเทศไทย
เพราะตลาดแรงงานของพม่ามีทางเลือกน้อยกว่าตลาดแรงงานของกัมพูชา
เดือนตุลาคม 2557 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว
(นบข.) ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน
เห็นชอบโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2557/2558 จากเดิมธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจะจ่ายเป็น 80% ของราคาตลาด เพิ่มเป็น
90% ของราคาตลาด นโยบายดังกล่าวถูกเรียกว่า "จำนำยุ้งฉาง" และไทยรัฐ ยังว่าเป็น "ประยุทธ์นิยม"
เดือนพฤศจิกายน 2557 รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า
ปัจจุบันมีการทุจริต 30–50% เป็นมูลค่า 2-3 แสนล้านบาท
รัฐบาลทหารริเริ่มโครงการ "ประชารัฐ" ในเดือนกันยายน
2558 มีบริษัทใหญ่ที่ประกอบธุรกิจหลายประเภท 24 บริษัทลงสนามสนับสนุนโครงการในเดือนธันวาคม
2558 ซึ่งเป็นข้อตกลงต่างตอบแทนกับรัฐบาลให้ได้เอกสิทธิ์บางอย่างปลายปีนั้น
รัฐบาลออกงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 136,000 ล้านบาท โดยมีการให้กองทุนหมู่บ้านกู้เงิน 59,000 หมู่บ้าน และการจัดสรรงบตำบล 36,725 ล้านบาท
และในปีงบประมาณ 2559 รัฐบาลจัดสรรงบโครงการประชารัฐ 250,000
ล้านบาทมีการริเริ่ม "ประชารัฐรักสามัคคี"
ซึ่งเป็นการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนคล้ายกับการริเริ่มหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์สมัยทักษิณ โดยในปี 2560
มีการอ้างว่าช่วยเพิ่มรายได้แก่ครอบครัวที่เข้าร่วมเดือนละ 358 ล้านบาท แนวนโยบายนี้ก่อให้เกิดทุนนิยมแบบมีลำดับชั้น
ซึ่งธุรกิจขนาดใหญ่คอยชี้นำธุรกิจขนาดย่อมในท้องถิ่น
ผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สหภาพยุโรปจะชะลอการลงนามความตกลงความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ
(Partnership
and Cooperation Agreement) และเรียกร้องให้กองทัพไทยฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง
และยังเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกกักขังการเมืองและยุติการตรวจพิจารณา
วันที่ 20 มิถุนายน 2557 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาออกแถลงรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์
(TIP)
ประจำปี 2557 ซึ่งประเทศไทยถูกปรับลดระดับลงไปอยู่ระดับ 3 (Tier
3) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด โดยให้เหตุผลว่า
ประเทศไทยไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการกับปัญหาการค้ามนุษย์ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา วันที่ 27 มิถุนายน 2557
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระงับความร่วมมือชั่วคราวกับไทย
ทำให้ยกเว้นไทยในการฝึกแผนซ้อมรบทางทะเล ชื่อ "แปซิฟิกริม"
การจำกัดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ในรายงานเสรีภาพสื่อมวลชนโลกของ องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน ได้จัดอันดับเสรีภาพสื่อมวลชนในประเทศไทยในปี
2558 ไว้ที่อันดับที่ 136 จากอันดับ 134 เมื่อปีก่อน
ในเดือนมีนาคม 2559 คสช.
ให้ทหารตั้งแต่ยศร้อยตรีขึ้นไปมีอำนาจป้องกันและปราบปรามความผิด 27 อย่าง
มีอำนาจตรวจค้นทรัพย์สินได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล มีอำนาจยึดทรัพย์
ระงับธุรกรรมทางการเงินและห้ามผู้ต้องสงสัยเดินทาง
การจับกุมและเรียกตัวบุคคล
คืนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ทหารจับกุมนักการเมืองเพิ่มเติม รวมทั้ง
ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง วันรุ่งขึ้น
คสช. เรียกสมาชิกพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร รวมทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ต่อมา คสช. เรียกบุคคลที่โดดเด่นอีก 114 คนจากทั้งสองฝ่าย และแถลงว่าผู้ที่ไม่มารายงานตัวจะถูกจับกุมและดำเนินคดี นักเคลื่อนไหว สมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นบุคคลแรกที่ปฏิเสธไม่ไปรายงานตัว
โดยกล่าวว่า "โคตรขำ ไม่ไปรายงานตัวถือเป็นความผิดอาญา"
เขาท้าทายการเรียกโดยโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า "Catch me if you can" (จับฉันเลยถ้าจับได้) คสช.
สนองโดยแถลงในเช้าวันที่ 24 พฤษภาคมว่า จะส่งทหารไปจับตัวผู้ไม่มารายงานตัว
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นบุคคลแรกที่ถูกไต่สวนในศาลทหารเนื่องจากไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. โฆษก
คสช. ยังกล่าวว่า การจัดการแถลงข่าวต่อสื่อต่างประเทศถือว่าไม่เหมาะสมและขัดต่อนโยบาย
คสช. เขาถูกตั้ง 3 ข้อหา คือ ขัดคำสั่ง คสช., ยุยงให้เกิดความกระด้างกระเดื่องและให้ทำผิดกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 116) และความผิดต่อความมั่นคงหรือก่อการร้ายตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
รวมมีโทษระวาง 14 ปี
วันที่ 5 มิถุนายน สมบัติถูกจับกุมที่จังหวัดชลบุรี
ทหารตามรอยเขาผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้เลขที่อยู่ไอพี กองทัพแถลงว่า
สมบัติจะได้รับโทษจำคุกเจ็ดปีฐานชักชวนให้ประชาชนละเมิดคำสั่ง คสช. ซึ่งเป็น
"กฎหมายของแผ่นดิน" นอกเหนือไปจากโทษจำคุกสองปีฐานขัดคำสั่ง คสช.
กองทัพยังกล่าวว่าผู้ให้ที่พักพิงสมบัติจะได้รับโทษจำคุกสองปี
กองทัพยังสั่งให้นักการทูตไทยดำเนินมาตรการเพื่อบังคับให้นักวิชาการนอกประเทศที่ถูกเรียกให้รายงานตัวกลับประเทศ เป้าหมายหนึ่ง
คือ รศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต
กองทัพสั่งทั้งเอกอัครราชทูตไทยในกรุงโตเกียวและกงสุลใหญ่ในโอซะกะว่า
หากทั้งสองไม่สามารถบังคับให้ปวินกลับมาได้ จะถูกย้ายหรือให้พ้นจากราชการต่อมามีมติคณะรัฐมนตรีในวันที่
9 ธันวาคม 2557 ให้ นาย สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ดำรงตำแหน่ง
เอกอัครราชทูตไทยในกรุงโตเกียว และย้าย ธนาธิป อุปัติศฤงค์ พ้นตำแหน่งดังกล่าวและคณะรัฐมนตรีมีมติ
ย้าย วิชิต ชิตวิมาน และ แต่งตั้ง ดุสิต เมนะพันธุ์ เป็น
กงสุลใหญ่ในโอซะกะ[70]มีผลวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558
คสช.
ยังสั่งให้นักเคลื่อนไหวที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยและอยู่นอกประเทศมารายงานตัว
อาทิ รศ. ใจ อึ๊งภากรณ์ โดยสั่งให้มารายงานตัวภายในวันที่
9 มิถุนายน 2557
วันที่ 17 มิถุนายน รศ. วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประสานงานและเข้ารายงานตัวกับ
คสช.
วันที่ 24 มิถุนายน สำนักงานตำรวจแห่งชาติปล่อยตัว กริชสุดา คุณะแสน นักเคลื่อนไหวเสื้อแดง
หลังมีข่าวถูกทหารทารุณจนเสียชีวิต เธอถูกตำรวจจับกุมที่จังหวัดชลบุรีตั้งแต่
วันที่ 28 พฤษภาคม ต่อมา วันที่ 1 สิงหาคม 2557
มีข่าวว่า กริชสุดา ขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศยุโรป
โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย กริชสุดาให้สัมภาษณ์ว่า เธอถูกปิดตาและมัดมือเป็นเวลา 7 วัน
ถูกทำร้ายร่างกายโดยโดนตบหน้า ชกที่ใบหน้าและลำตัว รวมทั้งใช้เท้า
ตลอดจนใช้ถุงคลุมหัวทำให้ขาดอากาศหายใจ ประเด็นที่ถูกสอบสวน คือ
ใครเป็นผู้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ต้องโทษในเรือนจำและอาวุธสงคราม ซึ่งกริชสุดาระบุว่า
ผู้สอบสวนต้องการให้เธอสารภาพว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนดูแลนักโทษและผู้ยุยงส่งเสริมในกระทำผิด
ส่วนที่มีข่าวว่าตนขออยู่ในการควบคุมตัวต่อไปนั้นเพื่อเอาตัวรอด ด้านพันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช.
ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดี
และเชื่อว่ากริชสุดาต้องการดึงองค์การระหว่างประเทศเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ วันที่ 14 กันยายน 2558 พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ตั้งข้อสังเกตว่า กริชสุดา คุณะเสน เป็นผู้จ้างวาน
"ชายชุดดำ"
เพราะพบสลิปโอนเงินในบ้านพักของกริชสุดาซึ่งโอนเงินให้ผู้ต้องหาคนหนึ่งซึ่งถูกจับเมื่อวันที่
11 กันยายน
วันที่ 7 ธันวาคม 2558
มีการจับกุมนักกิจกรรมที่พยายามเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ซึ่งลือชื่อว่ามีการฉ้อราษฎร์บังหลวง
รวมทั้งมีการตัดขบวนรถไฟเพื่อจับกุมตัวนักเคลื่อนไหว และมีการปิดอุทยานโดยอ้างว่าเพื่อ
"บำรุงรักษา"
อุทยานดังกล่าวมีรายงานความไม่ชอบมาพากลทางการเงินมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2558
วันที่ 29 มีนาคม 2559 ศาลสั่งจำคุก นาง ธีรวรรณ เจริญสุข[81] เป็นเวลา 12 วันในความผิดฐานปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครองหลังเธอโพสต์ภาพถือขันสีแดงซึ่งดูเหมือนเป็นของส่งเสริมอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อย่างไรก็ตามศาลทหารเชียงใหม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา
คดี ม.116 พร้อมหลักทรัพย์ 1 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง
การควบคุมสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อ
หลังประกาศรัฐประหารแล้ว คสช.
กำหนดห้ามออกนอกเคหสถานเวลาค่ำคืนทั่วราชอาณาจักรระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 5.00 น. และยังห้ามชุมนุมทางการเมืองและสั่งผู้ประท้วงทั้งหมดให้สลายตัว และยังสั่งให้สถานศึกษาทุกแห่งปิดตั้งแต่วันที่ 23 ถึง 25 พฤษภาคม 2557
ยิ่งไปกว่านั้น คสช.
สั่งให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ทุกแห่งหยุดออกอากาศรายการปกติและให้แพร่สัญญาณรายการของกองทัพบกเท่านั้น คสช. จับกุม วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ รองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ซึ่งดำเนินการสถานีไทยพีบีเอส หลังเขาอนุญาตให้แพร่สัญญาณรายการพิเศษเกี่ยวกับรัฐประหารทางยูทูบแทนโทรทัศน์ ในรายการ มีการสัมภาษณ์นักวิชาการหลายคน
และให้ความเห็นเชิงลบเกี่ยวกับรัฐประหาร
ไทยพีบีเอสกล่าวว่าวันชัยถูกนำตัวไปยังกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 เพื่อ
"ปรับความเข้าใจระหว่างสื่อและกองทัพ"
วันที่ 23 พฤษภาคม คสช.
เรียกตัวหัวหน้าสื่อมายังสโมสรทหารบกและสั่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตให้ตรวจพิจารณาข้อมูลข่าวสารใดที่ยั่วยุ
ปลุกปั่น อันจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย มีความลับของทางราชการ
มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือหมิ่นประมาท คสช. นอกจากนี้
ยังขู่ปิดสื่อสังคมหากผู้ให้บริการไม่สามารถสกัดกั้นข้อมูลข่าวสารซึ่งปลุกระดมความไม่สงบหรือปลุกระดม
"การคัดค้านการรักษาความสงบ"
บ่ายวันที่ 23 พฤษภาคม สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ระบบแอนะล็อก
(ช่องฟรีทีวี) ยกเว้นไทยพีบีเอส ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศรายการปกติ[91] หลัง คสช.
สั่งผู้ให้บริการสกัดกั้นความพยายามการแบ่งแพร่สัญญาณ (broadcast sharing) บนอินเทอร์เน็ตและสั่งให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ปิดโทรทัศน์อินเทอร์เน็ต
วันที่ 24 พฤษภาคม องค์การสื่อออกจดหมายเปิดผนึกกระตุ้นให้ คสช.
ยุติการจำกัดเสรีภาพสื่อให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ คสช.
สนองโดยเรียกผู้ให้บริการสื่อทั้งหมด โดยบอกว่าพวกเขาจำเป็นต้องเข้าประชุมกับ คสช.
เพื่อสนองต่อกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารบนเครือข่ายสังคม คสช. สั่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
ให้ปิดกั้นเฟซบุ๊กในประเทศไทยเป็นระยะ มีผลตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม
เย็นวันนั้นผู้ในประเทศไทยไม่สามารถเข้าถึงเฟซบุ๊กได้เป็นเวลาราวหนึ่งชั่วโมง ต่อมา เมื่อเวลา 17.00 น. รองโฆษก คสช. แถลงว่าเป็นเหตุขัดข้องทางเทคนิค
คสช.ไม่มีนโยบายปิดเฟซบุ๊ก และจากการตรวจสอบพบข้อขัดข้องทางเทคนิคที่เกตเวย์ ด้านกระทรวงไอซีทีและ
กสทช.ก็ยืนยันทำนองเดียวกัน พลตำรวจตรี พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงไอซีที
ชี้แจงว่าเกิดจากปริมาณผู้ใช้ที่คับคั่ง ซึ่งเกิดจุดหน่วงที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนป้ายข้อความคำสั่งของ
คสช. ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความเข้าใจผิดของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งขัดกับคำให้สัมภาษณ์ของ สุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงไอซีที
ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์สที่ว่ามีการปิดกั้นเฟซบุ๊กจริง ภายหลังการให้ข่าวของ สุรชัย ศรีสารคาม เขาถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในวันที่ 27 มิถุนายน 2557
เทเลนอร์ บริษัทแม่ของดีแทค ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย
แถลงต่อเว็บไซต์เดอะเน็กซ์เว็บในเวลาต่อมาว่าได้รับคำสั่งจาก กสทช. ให้ระงับการเข้าถึงเฟซบุ๊กเป็นการชั่วคราว ทำให้ พันเอก รศ. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน
กสทช. และประธาน กทค. ออกมากล่าวตอบโต้ว่า
แถลงการณ์ดังกล่าวของดีแทคเป็นเรื่องที่ไม่สมควรและไม่เคารพในกฎกติการมารยาท
จึงอาจตัดสิทธิ์ไม่ให้ดีแทคเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 4 จี บนย่านความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์
ก่อนหน้านี้ จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม กระทรวงไอซีแถลงว่าได้บล็อกยูอาร์แอลไปกว่า 100
ยูอาร์แอลภายใต้กฎอัยการศึก
วันที่ 27 พฤษภาคม คสช.
จะส่งข้าราชการไปยังประเทศสิงคโปร์และญี่ปุ่นเพื่อให้เฟซบุ๊ก กูเกิล และไลน์ตรวจพิจารณาสื่อสังคมเข้มงวดขึ้น
ต่อมา มีประกาศเปลี่ยนเวลาห้ามออกนอกเคหสถานจากเดิมเป็น 0.00 น.
ถึง 4.00 น. มีผลตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2557
วันที่ 28 พฤษภาคม เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ถูกปิดกั้นทางหน้าแรก
นับเป็นการถูกปิดกั้นครั้งแรกหลังรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2549
วันที่ 1 มิถุนายน มีคลิปจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ แสดงภาพหญิงถูกกลุ่มชายนำตัวขึ้นรถแท็กซี่สีชมพูที่แยกอโศก
ด้านพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ชี้แจงว่าจะไม่จับกุมผู้ชุมนุมขณะมีฝูงชนเป็นจำนวนมาก
แต่จะรอให้ออกจากที่ชุมนุมก่อน และกล่าวถึงกรณีการนำตัวขึ้นรถแท็กซี่ว่า
กลุ่มชายดังกล่าวอาจไม่ใช่ตำรวจ อาจเป็นสามีพาตัวกลับบ้าน
เพราะไม่ต้องการให้มาชุมนุม[106] ฝ่ายผู้กำกับการสถานีตำรวจลุมพินีออกมายอมรับว่า
ชายกลุ่มดังกล่าวเป็นตำรวจสืบสวนนอกเครื่องแบบ
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช.
ให้สัมภาษณ์ว่า จะมีการทำความเข้าใจกับผู้สนับสนุน กปปส. และพรรคประชาธิปัตย์ให้หยุดแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง
และเตือนกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองและแกนนำคู่ขัดแย้งให้หยุดกล่าวหา คสช. วันเดียวกัน
พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
กล่าวว่า ผู้ที่โพสต์หรือกดถูกใจ (like) โพสต์ที่ชวนคนมาชุมนุมบนเฟซบุ๊กถือว่ามีความผิด
นอกจากนี้ การชุมนุมโดยมีเจตนาแสดงออกถึงการต่อต้าน เช่น ปิดปากกันทุกคน หรือกินแซนด์วิชที่ทราบว่ามีการอ่านแถลงการณ์ด้วย
แสดงว่ามีเจตนา และว่า ขณะนี้ การกินแซนด์วิชเริ่มเข้าข่ายมีความผิดเหมือนกับการชู
3 นิ้วแล้ว
วันที่ 13 มิถุนายน คสช.
ประกาศยกเลิกห้ามประชาชนออกจากเคหสถานทั่วราชอาณาจักร
วันที่ 22 มิถุนายน ตำรวจจับ อุษณีย์ เศรษฐสุนทรี และทหารรับตัวไปกักขัง
เนื่องจากใส่เสื้อ "Respect My Vote" (เคารพเสียงของฉัน)
วันที่ 23 มิถุนายน ตำรวจเตรียมรับมือกิจกรรมรำลึกการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 หากมีนัยยะทางการเมืองจะถือว่าผิดกฎหมายและจะถูกจับกุม
และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่บันทึกภาพผู้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการปกครองประเทศของ
คสช. ส่งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากนำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดี
จะมีรางวัลให้ภาพละ 500 บาท
วันที่ 24 มิถุนายน มานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ
สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ยืนยันว่า
ทหารสั่งหนังสือพิมพ์ห้ามไม่ให้ตีพิมพ์เรื่องกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร วันเดียวกัน มีรายงานว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ใช้โปรแกรมประยุกต์เพื่อเก็บข้อมูลที่อยู่อีเมล
แอปพลิเคชันดังกล่าวถูกเฟซบุ๊กระงับไปแล้วสองครั้ง ต่อมา ปอท.ชี้แจงบนอินเทอร์เน็ตให้เหตุผลถึงการใช้โปรแกรมประยุกต์ดังกล่าวว่า
การเก็บรวบรวมพยานหรือข้อมูลผู้ใช้ดังกล่าวทำให้
ปอท.สามารถจัดการกับพยานได้มากขึ้น
ซึ่งนำไปสู่การดำเนินคดีมากขึ้นและจะทำให้สังคมออนไลน์สะอาดขึ้น
หน้าสถิติโปรแกรมประยุกต์ออนไลน์ของเฟซบุ๊กแสดงว่า โปรแกรมประยุกต์ทั้งสองได้ที่อยู่อีเมลไปหลายร้อยที่อยู่ก่อนถูกปิด
วันที่ 25 มิถุนายน พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า
คสช.
ตั้งคณะทำงานเพื่อระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
และข้อมูลที่เป็นเท็จกระทบกับการทำงานของ คสช.
พลเมืองปัจเจกที่แสดงเชิงสัญลักษณ์อื่นถูกจับกุมและกักขังเช่นกัน
ซึ่งรวมถึงหญิงคนหนึ่งสวมหน้ากากที่มีคำว่า "People" (ประชาชน) ชายคนหนึ่งตะโกนว่า
"ผมเป็นพลเมืองธรรมดาที่รู้สึกอับอายเพราะมีรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศของผมอีกครั้ง" พ่อค้าหมึกทอดที่สวมเสื้อแดง กลุ่มคนที่ปิดตา
หูและปากของตน กลุ่มนักวิจารณ์ภาพยนตร์และนักเคลื่อนไหวทางศิลปะที่ตั้งใจจัดแสดงภาพยนตร์ Nineteen Eighty-Four กลุ่มบุคคลจัดกิจกรรมหน้าวัดพระศรีมหาธาตุเพื่อเฉลิมฉลองการเปลี่ยนผ่านจากสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นักศึกษาที่เปิดเพลงชาติฝรั่งเศสในที่สาธารณะ กลุ่มบุคคลถือกระดาษเขียนว่า
"ประชาชนอยู่ที่ไหน" และชายที่ถือกระดาษเขียนว่า
"ถือกระดาษไม่ใช่อาชญากรรม" ทั้งหมดจะถูกไต่สวนในศาลทหารฐานปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง
วันที่ 26 กรกฎาคม 2557 คสช. มีคำสั่งฉบับที่ 108
ตักเตือนหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ สุดสัปดาห์ ว่าตีพิมพ์ข้อความด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ
ทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. หากฝ่าฝืนอีกจะดำเนินการตามกฎอัยการศึก และต่อมา
คสช. ส่งหนังสือมายังสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ รายละเอียดระบุว่า
ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ สุดสัปดาห์ ฉบับที่
251 มีข้อความว่า (1) "ธรรมนูญ "บิ๊กตู่" คสช.พ่อทุกสถาบัน"
ซึ่งเป็นการเสียดสี และอาจทำให้เข้าใจผิดว่า พลเอก ประยุทธ์อยู่เหนือสถาบันพระมหากษัตริย์
(2) ""น้องตาล" กลับเป็นชื่อทายาทของ “บิ๊ก
คสช.” ผู้ที่ยังมากบารมี แต่ขอลดบทบาท
เพื่อแต่งตัวรอบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า การให้ “ลูกตาล” ซึ่งถือเป็นคนรู้ใจมาเลือกสิ่งอำนายความสะดวกใน
“ทำเนียบรัฐบาล-ตึกไทยคู่ฟ้า” อาจจะส่งสัญญาณบางอย่างออกมาให้เห็น
“บิ๊ก คสช.” ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
อาจจะไม่ใช่ “บิ๊กตู่” อย่างที่คาดเดากัน
แต่มี “ตาอยู่” ที่ “บิ๊กตู่” วางใจให้มาสานงานต่อก็เป็นได้
ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนกันเองใน คสช.นั่นแล" และ (3)
"การคัดสรรสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่ามีลักษณะเป็นการต่างตอบแทน
เอาโควตามาแบ่งเค้ก" ซึ่งจักร์กฤษ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ระบุว่า "หากทางหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์พิจารณาแก้ไขและขอโทษผู้ร้องเรียน
หากผู้ร้องเรียนพอใจ ถือว่าเรื่องเป็นที่ยุติ"
วันที่ 2 สิงหาคม พลเอก ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่
1 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย
เป็นประธานเปิดการอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมวลชน
กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ประกอบด้วย ชุดปฏิบัติงานด้านพลเรือน 738 ชุด
โดยหวังชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเรื่องแนวทางการปฏิบัติงานของ คสช.
และสร้างทัศนคติที่ดีของประชาชนต่อ คสช. และกองทัพ รวมถึงปลูกฝังค่านิยม 12 ประเทศ
ตลอดจนปลูกฝังความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
วันที่ 4 สิงหาคม นงลักษณ์ สหวัฒนพงศ์ ผู้จัดการการตลาดนิว
อีร่า ไทยแลนด์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรมห้ามการขายและการเข้าถึงเกม ทรอปิโก 5 ออนไลน์เพราะเกรงว่า
"เนื้อหาบางส่วนอาจกระทบต่อสันติและความสงบเรียบร้อยในประเทศ"
เธอกล่าวว่า "บางส่วน [ของเนื้อหา] อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน" และว่าบริษัทฯ
จะไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัย
วันที่ 8 สิงหาคม มีการจัดเสวนา "ห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 1
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ โดยก่อนจัดงานมีทหารประสานไปยังมหาวิทยาลัยให้ยกเลิกเสวนาดังกล่าว[128] ปิยบุตร แสงกนกกุล วิทยากรคนหนึ่งแสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กว่า
"ทำไมหน่วยงานอื่นๆสามารถจัดอภิปรายพูดถึงรัฐธรรมนูญชั่วคราว ๒๕๕๗ ได้ เช่น
สถาบันพระปกเกล้า จัดงานเกี่ยวกับการปฏิรูปที่กระทรวงกลาโหม
โดยเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าอภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญชั่วคราว ๒๕๕๗
มีข่าวลงรายละเอียดมากมาย แล้วทำไมนักศึกษาถึงจัดงานในลักษณะเดียวกันไม่ได้?
เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ได้อย่างไรว่าในงาน
วิทยากรแต่ละท่านจะอภิปรายอย่างไร? หรือท่านดูแค่ชื่อผู้จัด
ดูแค่ชื่อวิทยากร?"
วันที่ 10 สิงหาคม กองทัพสั่งองค์การนิรโทษกรรมสากล ประเทศไทย
ให้ยุติกิจกรรมรณรงค์ในกรุงเทพมหานครซึ่งเรียกร้องสันติภาพในฉนวนกาซา โดยอ้างการห้ามการชุมนุมในที่สาธารณะเกินห้าคนและการชุมนุมทางการเมืองของคณะผู้ยึดอำนาจการปกครอง
วันที่ 20 สิงหาคม ทหารเชิญคณะ
"เดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงานไทย" ไปที่มณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์
หาดใหญ่ โดยอ้างว่ากลุ่มดังกล่าวฝ่าฝืนประกาศกฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
วันที่ 2 กันยายน คสช. สั่งให้ยกเลิกการอภิปรายชื่อ "Access to Justice in Thailand:
Currently Unavailable" (การเข้าถึงความยุติธรรมในประเทศไทย:
ขณะนี้เข้าไม่ได้) ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย
วันที่ 18 กันยายน ตำรวจยุติสัมมนา
""ห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ"
ซึ่งจัดที่ใต้ถุนอาคาร บร.1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วิทยากรรวม เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ จันจิรา สมบัติพูนศิริ ภาณุ ตรัยเวช ประจักษ์ ก้องกีรติ ศ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ก่อนหน้านี้มีทหารส่งจดหมายขอให้งดจัดกิจกรรม
โดยว่ายังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก และ คสช. ต้องการให้ประเทศสงบเรียบร้อย
แต่ผู้จัดยังยืนยันเจตนาเดิม
ฝ่ายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ล็อกห้องที่จะใช้จัดเสวนาครั้งแรก ด้านพลตำรวจตรี สมิทธิ
มุกดาสนิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า
"เรียกว่าพาตัวมาพูดคุยทำความเข้าใจ แต่ยังไม่แจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง
ต้องดูที่ผลพูดคุยกันก่อนว่าจะรู้เรื่องหรือไม่" ตำรวจคุมตัววิทยากรและนักศึกษา
3 คนไปยังสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง เพื่อสอบถามข้อมูลว่าเข้าข่ายการชักชวน
ซ่องสุมให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือไม่
ต่อมา มีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเดินทางเข้าขอพบผู้ถูกคุมตัว
แต่ทหารปิดประตูกั้นไว้ไม่ให้เข้าพบ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวทั้งหมด
ประจักษ์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตั้งข้อหากับพวกตน
เพียงแต่ทำข้อตกลงว่าหากมีการจัดเสวนาวิชาการต้องส่งหัวข้อให้ทหารอนุมัติก่อน
วันที่ 19 กันยายน ช่วงบ่าย วิกิพีเดียภาษาไทยถูกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารบล็อก โดยระบุว่า
"มีเนื้อหาและข้อมูลที่ไม่เหมาะสม" วันเดียวกัน กิจกรรม "ครบรอบ 8
ปี รัฐประหาร 19 ก.ย.49" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถูกยกเลิก
เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่กระจายตัวอยู่รอบบริเวณ
ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน คสช. ออกคำสั่งที่ 64/2557
เพื่อดำเนินนโยบายคืนพื้นที่ป่า แม้ คสช.
ประกาศว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับผลกระทบ
แต่ข้อเท็จจริงกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง
ผลจากนโยบายนี้ทำให้นิคมเกษตรกรยากจนถูกรื้อถอน ดำรงค์ พิเดช อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงชนกลุ่มน้อยที่พึ่งพาอาศัยป่าว่า
"ชาวกะเหรี่ยงผู้อาศัยอยู่ในป่าไม่สามารถดำเนินวิถีชีวิตดั้งเดิมของเขาได้ตลอดไป
เนื่องจากส่วนมากเลือกเป็นพลเมืองไทย
เขาควรคิดถึงประโยชน์ของป่าที่มีต่อคนส่วนใหญ่"
ฝ่ายนักเคลื่อนไหวท้องถิ่นในจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า
กรมป่าไม้และกองทัพร่วมมือกับนายทุนพยายามฟ้องขับไล่ชุมชนของเรา
ผู้ใหญ่บ้านกะเหรี่ยงปกาเกอะญอแห่งหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนว่า แม้ คสช.
มีคำสั่งที่ 66/2557 ไม่ฟ้องขับไล่คนจนออกจากป่า
แต่เมื่อเรียกร้องคืนจะใช้เฉพาะคำสั่งที่ 64/2557 เท่านั้น
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม
กองทัพหยุดคาราวานชาวบ้านละหู่ซึ่งได้รับผลกระทบจากคำสั่งที่ 64/2557
มิให้เดินทางไปกรุงเทพมหานครเพื่อร้องทุกข์ต่อหัวหน้า คสช. ก่อนหน้านี้ วันที่ 16
สิงหาคม นายทหาร 50 นายและสมาชิกมาเฟียท้องถิ่น 2
คนข่มขู่ชาวบ้านชุมชนคลองไทรพัฒนา ค้นบ้านนักเคลื่อนไหว
และออกคำสั่งให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ในเจ็ดวัน
วันที่ 22 ตุลาคม ณัฐนันท์ วรินทรเวช นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
5 และเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ให้สัมภาษณ์ว่า
มีทหารโทรศัพท์ถึงผู้อำนวยการโรงเรียนและถามหาเธอ ทั้งนี้
เธอเคลื่อนไหวเรียกร้องยกเลิกค่านิยม 12 ประการ เพราะเป็นการล้างสมอง
และทำให้การศึกษาไทยถอยหลังลงคลอง ก่อนหน้านี้ กลุ่มฯ
ชุมนุมหน้ากระทรวงศึกษาธิการแสดงจุดยืนคัดค้านค่านิยมดังกล่าว
วันที่ 23 ตุลาคม พลตำรวจตรี อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี
กล่าวหลังเกิดคดีฆ่าสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ว่า ห้ามแรงงานต่างชาติดื่มกินปนกับนักท่องเที่ยว หวังลดอาชญากรรม
และเตรียมหามาตรการควบคุมแรงงานต่างชาติให้อยู่ในกรอบกฎหมาย
วันที่ 7 พฤศจิกายน มติชนออนไลน์ รายงานอ้าง วาสนา นาน่วม ว่า
กองกำลังรักษาความสงบมีคำสั่งให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารติดต่อกับแกนนำต่าง ๆ
เพื่อขอให้งดเคลื่อนไหวทางการเมือง
บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่เคยถูกออกคำสั่งเรียกตัวตั้งแต่หลังรัฐประหารแล้ว
ทางทหารต้องการตอกย้ำข้อตกลง หากไม่ยอมร่วมมือจะมีมาตรการตั้งแต่กฎหมายปกติ
ไปจนกฎอัยการศึกและรัฐธรรมนูญมาตรา 44
วันที่ 14 พฤศจิกายน ไทยพีบีเอสถอดรายการ
"เสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูป"
หลังมีนายทหารที่มีพันเอกเป็นผู้นำพบผู้บริหาร เพราะไม่พอใจการทำหน้าที่พิธีกรของ ณาตยา แวววีรคุปต์ ในเทป
""ฟังเสียงคนใต้ก่อนการปฏิรูป" ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน
วันที่ 15 พฤศจิกายน มีนายทหารกระชากตัวผู้สื่อข่าวหญิงซึ่งบันทึกภาพวิดีทัศน์เพื่อทำข่าวตามปกติที่ค่ายสุรนารี
และยังมีนักข่าวอีกสองคนที่ถูกกระชากเสื้อและไล่ออกจากห้องเช่นกัน
วันที่ 19 พฤศจิกายน โรงภาพยนตร์เครือเอเป๊ก สยามสแควร์ซึ่งประกอบด้วยลิโด้และสกล่ายกเลิกการฉายภาพนตร์ เกมล่าเกม 3 ม็อกกิ้งเจย์ ภาค 1 ที่จะฉายในวันรุ่งขึ้นเป็นวันแรก
เจ้าหน้าที่ของโรงภาพยนตร์ดังกล่าวคนหนึ่งว่า ไม่ทราบสาเหตุ
แต่อาจเกิดจากผู้นำเข้าภาพนตร์มาฉายตกลงกันไม่ได้ ก่อนหน้านี้
กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยเชิญชวนให้ผู้ชมชูสัญลักษณ์สามนิ้วเข้าโรง
นักศึกษาคนหนึ่งว่า ตำรวจโทรศัพท์ไปที่โรงภาพยนตร์ขอให้งดฉาย
โดยจะคืนเงินที่จ่ายเหมาโรงให้ วันที่ 20 พฤศจิกายน
ทางกลุ่มยังยืนยันจัดกิจกรรม ให้มารับตัวชมภาพยนตร์ได้ที่หน้าโรงภาพยนตร์สกาล่า
สยามสแควร์ซอย 1 ตัวแทนกลุ่มให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า
เป็นกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่เชื่อมโยงกับกลุ่มดาวดิน
รับรองว่าจะไม่ชูสามนิ้ว และยังว่า ปฏิบัติต่อกลุ่มดาวดินอย่างนี้แล้วจะสร้างประชาธิปไตยได้อย่างไร
ฝ่ายนายตำรวจที่เข้าควบคุมสถานการณ์บอกว่า เรามีสามัญสำนึกถึงสิ่งที่ควรทำ
ไปปลูกต้นไม้ กิจกรรมจิตอาสาดีกว่าทำแบบนี้ และฝากถึงอาจารย์รวมทั้งผู้ปกครองด้วย
ขอให้ไปแสดงความเห็นทางการเมืองในเวทีปฏิรูป ที่เขาเปิดให้ ยืนยันว่าไม่จับแต่ต้องคุยกันปรับทัศนคติ
นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมนักศึกษาที่ขอค่าตั๋วภาพยนตร์คืน
ซึ่งเขาเป็นนักศึกษาที่เคยอ่านหนังสือ หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ ในที่สาธารณะ
และมีการจับกุมนักศึกษาที่ชูสามนิ้วที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ต่อมา
ตำรวจปล่อยตัวทั้งหมดโดยไม่แจ้งข้อหา วันที่ 30 มกราคม 2558 คสช.
สั่งห้ามงานประชุมเรื่องการจำกัดสื่อของมูลนิธิฟรีดริช-เอแบร์ท-ชติฟทุงของเยอรมนี
ซึ่งเป็นองค์การส่งเสริมประชาธิปไตยสังคมทั่วโลก ฝ่ายพันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ว่า
ผู้จัดงานควรให้สารสนเทศเกี่ยวกับงานล่วงหน้าแก่เจ้าหน้าที่ และถูกขอให้เลื่อนเพราะ
"เราอยู่ในช่วงละเอียดอ่อน" ด้าน มานพ ทิพย์โอสถ โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารกล่าวว่างานนี้อาจก่อความเสียหายและละเอียดอ่อนมาก
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 สำนักข่าวอิศรารายงานอ้างพันเอก วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก
กรณีมีกระแสข่าว คสช. ขอความร่วมมืองดล้อการเมืองในฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ครั้งที่ 70 ว่า คสช.
ขอความร่วมมือ เนื่องจากการล้อเลียนกันไปมาอาจสร้างความขัดแย้งขึ้นอีกได้ ฝ่ายประชาไท รายงานเมื่อวันที่ 7
กุมภาพันธ์ (วันงาน) ว่า พลตำรวจตรี ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล
6 รศ. ธนิต ธงทอง รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และ ผศ. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เข้าตรวจสอบขบวนล้อการเมือง ทั้งให้นักศึกษาอธิบายถึงแนวคิดของหุ่นล้อการเมืองแต่ละตัวอย่างละเอียด
และเจ้าหน้าที่ได้กำชับไม่ให้กระทบแนวทางปรองดองและปฏิรูปของ คสช. ต่อมา
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงปิดประตูสนามกีฬาห้ามขบวนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้า
และขอให้นักศึกษาเก็บป้ายผ้าข้อความเสียดสีการเมืองทั้งหมด เหลือเพียงแต่หุ่นต่าง
ๆ หลังการเจรจาสักพัก นักศึกษายินยอมเก็บป้ายผ้า เจ้าหน้าที่จึงเปิดประตูให้
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2558 พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลแถลงว่า
รัฐบาลห้าม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศเพื่อรับประกันให้เธออยู่ในประเทศเพื่อเผชิญข้อกล่าวหาอาญา
วันที่ 16 มีนาคม 2558 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า
นักเคลื่อนไหวสี่คนจากกลุ่มพลเมืองโต้กลับ (Resistant Citizen) เตรียมขึ้นศาลทหารในข้อหาละเมิดคำสั่งห้ามชุมนุมสาธารณะของ
คสช. ฝ่าย สุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์
วอช ประเทศไทย เรียกคดีนี้ว่าเป็น "คดีหลักหมุด" (landmark case)
วันที่ 17 เมษายน 2558 พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าวหา สมบัติ บุญงามอนงค์ ว่า การขายข้าวบรรจุถุงของสมบัติเป็นอีเวนต์ทางการเมือง
พลตรีสรรเสริญยังว่า หากทำได้
อยากให้ช่วยรับซื้อข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เพื่อนำเงินมาชดเชยความเสียหายต่อประเทศนับแสนล้านบาท
พร้อมเตือนสมบัติว่ายังอยู่ในรายชื่อผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองที่เคยถูกเรียกปรับทัศนคติ
อาจพิจารณามาตรการต่อไป
วันที่ 22 พฤษภาคม 2558 อันเป็นวันครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร
มีการจับนักศึกษา 7 คนที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งถือป้ายต้านรัฐประหาร และจับนักศึกษาศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย
13 คน ซึ่งต่อมาได้รับปล่อยตัว และต่อมา ตำรวจกักตัวอีกประมาณ 30
คนที่ชุมนุมนอกศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 23
พฤษภาคม หลังจากมีข่าวลือว่านักศึกษาผู้หนึ่งถูกไฟฟ้าช็อต
มีเจ้าหน้าที่โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ไปเยี่ยม
และโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า นักศึกษาผู้นี้ถูกทำร้ายจริง แต่ไม่ถูกไฟฟ้าช็อต
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 พลตรี เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่
2 รักษาพระองค์ กล่าวว่ามีการจัดกำลังทหารและตำรวจในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 71
โดยหากมีการแสดงสัญลักษณ์ที่เป็นปัญหาจะให้หยุดการแสดง
และขู่ว่าหากมีการแสดงออกที่ทำให้เกิดความเสียหาย คราวหลังอาจไม่มีขบวนพาเหรด
และการแปรอักษร
แม้ว่าคสช.จะไม่สั่งปิดสื่อโดยตรง แต่กสทช. สั่งปิดสื่อหลายครั้ง โดยสั่งปิดครั้งละ 30
วัน กสทช. ยังได้รับการเพิ่มอำนาจในการปิดสื่อโดยไม่ต้องขอหมายศาลจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยมากสั่งปิด พีซทีวี (ประเทศไทย) วอยซ์ทีวี
"คืนความสุขให้คนในชาติ"
คสช.จัดรณรงค์ "คืนความสุขให้คนในชาติ"
โดยจัดการเฉลิมฉลองรับรัฐประหารซึ่งกองทัพจัดแสดงป๊อป
โดยละเว้นการห้ามชุมนุมเกินห้าคน สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ประกาศว่าจะจัดเทศกาลดนตรีในสวนทุกวันพฤหัสบดี
เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน ฝ่ายประยุทธ์จะจัดรายการรายสัปดาห์เพื่อสรุปงานของ
คสช. ซึ่งจะไม่มีการตอบคำถามของสาธารณะ
และสถานีวิทยุโทรทัศน์ทุกแห่งถูกบังคับให้แพร่สัญญาณ
วันที่ 11 มิถุนายน ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า คสช. ประสานงานให้ กสทช.
จัดการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ทุกนัดผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดิน คือ
สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และช่อง 8 หลังศาลปกครองสูงสุดพิจารณาถึงที่สุดแล้ว
พร้อมเชิญผู้แทนบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชันแนล บรอดคาสติง
แอนด์ สปอร์ต แมเนจเมนต์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) หารือแนวทางในการชดเชย โดยฝ่ายอาร์เอส เสนอให้มีค่าชดเชยเป็นเงิน 766.515 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 12
มิถุนายน คณะกรรมการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) และคณะกรรมการ กสทช.
ประชุมพิจารณาการชดเชยดังกล่าว โดยออกมติให้ใช้กองทุน กทปส.ชดเชยให้อาร์เอสบีเอส
เป็นเงินไม่เกิน 427.015 ล้านบาท ด้านสมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการอิสระด้านสื่อสารมวลชน โพสต์เฟซบุ๊กว่า
การใช้เงินดังกล่าวไม่สมควร ไม่เกิดประโยชน์ต่อชาติ ไร้สาระ และสูญเปล่า แนะนำว่า
กสทช. ควรปฏิเสธ คสช. ไป เขาเสนอว่าเงินจำนวนดังกล่าวสามารถสร้างห้องสมุดประชาชนได้ทุกจังหวัด
ด้าน พันเอก วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกแถลงว่า
คสช.ร่วมกับบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชันแนล จำกัด, บริษัท พร้อมมิตร โปรดักชัน จำกัด และโรงภาพยนตร์จำนวน 160 แห่งทั่วประเทศ
จัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค
๕ ยุทธหัตถี ” ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557 รอบฉายเวลา
11:00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
วันที่ 6 สิงหาคม 2557 มีผู้แทน คสช. รับมอบตั๋วภาพยนตร์ในโอกาสวันแม่แห่งชาติจำนวน
20,000 ใบจากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด
(มหาชน) เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แม่ลูกมีกิจกรรมร่วมกัน
ปฏิกิริยา
ในประเทศ
สนับสนุน
หลังการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557
มีการเว็บเปิดหน้าเฟซบุ๊กชื่อ "กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย" ต่อมาหลังเกิดรัฐประหาร
ก็ใช้หน้าเฟซบุ๊กเดียวกันนี้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของ คสช.
ผู้ประท้วง กปปส. จำนวนมากยินดีกับประกาศรัฐประหาร ณ ที่ชุมนุม พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม ประกาศชัยชนะของผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลบนเวทีก่อนขอให้ผู้ติตดามสลายตัวและกลับบ้าน ทหารยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อสลายผู้ประท้วงสนับสนุนรัฐบาล
แม้ยังมีผู้ปฏิเสธไม่ยอมกลับในทีแรก ผู้ประท้วงกลุ่มสุดท้ายออกจากกรุงเทพมหานครในเย็นวันที่
23 พฤษภาคม คสช.
จัดรถทหารเจ็ดสิบคันเพื่อส่งผู้ประท้วงทั้งสองฝ่ายกลับภูมิลำเนา
มีรายงานประชาชนสนใจถ่ายรูปกับทหารและยานพาหนะของทหาร
ทั้งมีการนำดอกไม้ อาหารและเครื่องดื่มมามอบให้ทหารในหลายพื้นที่ เช่น
จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสุโขทัย จังหวัดกาฬสินธุ์
วันที่ 23 พฤษภาคม หนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น ออกบทบรรณาธิการว่า
"เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะนักการเมืองของเราไม่สามารถระงับความขัดแย้งของพวกเขาได้ด้วยวิธีปกติ
และทหารใช้ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพวกเขาเป็นข้ออ้างลงมือ
ตั้งแต่กำหนดกฎอัยการศึกและรัฐประหารในที่สุด
ทุกกลุ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองเรื้อรังนี้ควรรับผิดชอบต่อผลลัพธ์แห่งความดื้อรั้นของตน
พวกเขาควรเสียสละประโยชน์ส่วนตนแก่ผลประโยชน์ของชาติ" นักวิชาการบางคนแย้งว่า ปัญหาของไทยไม่มีทางออกอื่นแล้ว
มาร์ค วิลเลียมส์ (Mark Williams) แห่งบริษัทปรึกษาวิจัยเศรษฐกิจแคปิตอลอีโคโนมิกส์
(Capital Economics) กล่าวว่า
"ตลาดหลักทรัพย์อาจต้อนรับรัฐประหาร"
เพราะลดความไม่แน่นอนและความเป็นไปได้ของการเผชิญหน้าทางการเมืองซึ่งอาจทวีความรุนแรงขึ้นได้"
แต่คาดว่าผลทางบวกจะเกิดขึ้นระยะสั้น ๆ
วันที่ 25 พฤษภาคม พีระศักดิ์ พอจิต อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดอุตรดิตถ์
ให้สัมภาษณ์ว่า คสช. ทำถูกแล้วที่ตัดสินใจยุบวุฒิสภา เพราะจะทำให้ คสช.
ดำเนินการล่าช้า การให้ คสช. กุมอำนาจทั้งหมดเป็นการดี เนื่องจากทำให้ คสช.
ดำเนินการได้รวดเร็ว และเชื่อว่าเหตุการณ์หลังจากนี้น่าจะสงบขึ้นตามลำดับ
วันเดียวกัน
มีการจัดการชุมนุมต่อต้านผู้ประท้วงรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เรียกร้องให้ คสช. ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง วันที่ 26 พฤษภาคม กลุ่มข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศจัดการชุมนุมคล้ายกัน
ด้าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีท่าทีผสมกัน
แม้เขาโพสต์ลงเฟซบุ๊กขออภัยที่ไม่สามารถผลักดันแผนปฏิรูปประเทศและปกป้องประชาธิปไตยได้ และพร้อมร่วมคัดค้านรัฐประหาร หาก คสช.
ไม่มีคำตอบชัดเจนว่าจะปฏิรูปอะไรและประชาชนจะมีส่วนร่วมอย่างไร
และมีผู้รักประชาธิปไตยที่แท้จริงเสนอประชาธิปไตยที่ดีกว่า แต่เขาก็โพสต์สนับสนุนให้ คสช.
ใช้มาตรการเข้มข้นขึ้นเพื่อรับมือกับการต่อต้านรัฐประหาร
หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ รายงานหลังกองทัพจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวว่า
กองทัพไทยเริ่มเครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อ
และได้รับการช่วยเหลือจากสื่อไทยที่ส่วนใหญ่ "ยอมรับใช้"
นับแต่รัฐประหาร หนังสือพิมพ์บ้านเมือง พาดหัวข่าวว่า
"ชาวนารับเงินยิ้มทั้งน้ำตา"
รายงานอื่นแสดงชาวนาเดินขบวนไปยังฐานทัพเพื่อมอบดอกกุหลาบและถือป้ายประกาศความปิติต่อผู้นำรัฐประหาร
การเดินขบวนของชาวนาในจังหวัดภูเก็ต ลพบุรีและอุบลราชธานียังมีป้ายเดียวกันด้วย
ชาวนาคนหนึ่งในอำเภอเชียงยืนให้สัมภาษณ์ว่า
"ชาวนาจริงไม่ออกมาทำอย่างนั้นหรอก ชาวนาจริงวุ่นวายทำงานเกินไป"
ชาวกรุงเทพมหานครจำนวนมากยินดีกับรัฐประหารหลังความขัดแย้งทางการเมืองนานเจ็ดเดือน
กลุ่มผู้สนับสนุนสถาบันมองว่า ทหารเป็นผู้พิทักษ์ความเป็นหนึ่งเดียวของชาติ
ผู้ชุมนุมนิยมกองทัพกล่าวว่า
พวกตนยินดีกับรัฐประหารหากหมายถึงการขจัดอิทธิพลของทักษิณ ก่อนหน้ารัฐประหาร
การนำเสนอข่าวท้องถิ่นจำนวนมากพรรณนาว่าทหารเป็นวีรบุรุษมาสู้กับนักการเมืองและตำรวจที่เป็นผู้ร้ายที่กินเงินใต้โต๊ะ
รัฐประหารครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความแตกแยกของประเทศ มีการตั้งกลุ่มสนับสนุนรัฐประหารอย่าง
"สนับสนุน คสช."ฯ หรือ "สนับสนุนกองทัพไทย"
ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งว่า
ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพ
และอีกจำนวนหนึ่งปัดคำวิจารณ์ของต่างชาติ และว่า
คนต่างชาติไม่เข้าใจวิกฤตการณ์ของไทย
ไม่เข้าใจว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงในประเทศไทยเลวร้ายเพียงใด
นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เห็นว่าพลเอก ประยุทธ์ควรใช้อำนาจเด็ดขาด อย่าเป็นนักประชาธิปไตยเช่นที่ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ทำสมัยดำรงตำแหน่ง
อย่าสนใจคำครหานินทาว่ามาจากรัฐประหาร หากทำดี แก้ปัญหาได้ ทำประเทศปรองดองได้
ทุกคนจะสรรเสริญ
ศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า
ตนไม่เคยสนับสนุนหรือส่งเสริมรัฐประหาร
แต่ควรมองต่อไปว่าเมื่อเกิดรัฐประหารขึ้นแล้วจะทำอย่างไรให้ประเทศก้าวต่อไปข้างหน้า
ดีกว่ามาคิดว่ารัฐประหารนี้ควรหรือไม่
"โจทย์ใหญ่วันนี้คือเราจะทำอย่างไรให้รัฐประหารซึ่งมีทั้งคนชอบและไม่ชอบจะไม่สูญเปล่า"
และกล่าวว่า ไม่มีทางที่รัฐประหารจะอยู่ค้ำฟ้า
อีกไม่นานก็จะกลับสู่วิถีประชาธิปไตย เขายังเชื่อว่า หากรัฐบาลยอมลาออกจากตำแหน่งจะไม่เกิดรัฐประหาร
วันที่ 15 มิถุนายน สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความสุขที่ประชาชนได้รับจาก
คสช. ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งถามความคิดเห็นของประชาชน 1,634 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10 ถึง 14 มิถุนายน โดยอันดับแรก คือ
การชุมนุมทางการเมืองยุติ ทำให้บ้านเมืองสงบสุข
สันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร
และผู้ก่อตั้งวารสารการเงินธนาคาร เจ้าของนามปากกา ลม เปลี่ยนทิศ ผู้เขียนคอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขียนว่ารัฐประหารของ
คสช. ครั้งนี้ประสบความสำเร็จและ คสช. ได้รับความชื่นชมจากประชาชนและนักธุรกิจทุกภาคส่วนมากขึ้น
ควรที่ผู้นำชาติตะวันตกจะมาศึกษา ประชาชนรู้สึกดีต่อผู้นำที่มาจากรัฐประหาร
เพราะไม่อยู่ภายใต้รัฐบาลจากการเลือกตั้งซึ่งมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงและเรียกสินบนจากเอกชน
รัฐประหารครั้งนี้เป็นการเรียกศรัทธาและความสุขให้คนไทย เขาหวังให้ประยุทธ์ปฏิรูปประเทศไทยด้วยระบบคุณธรรมและยุติธรรม
อย่าปล่อยทิ้งไว้เหมือนรัฐประหารครั้งก่อน
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557 ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวตอนหนึ่งว่า
"หากวันนี้ไม่มีการยึดอำนาจ ประเทศคงจะพินาศไปแล้ว
เพราะมีการข่าวชัดเจนว่ามีกองกำลังต่างชาติเข้ามา
อีกทั้งหลากหลายภาคส่วนก็สามารถซื้อได้ด้วยเงิน"[184]
คัดค้าน
ชาวไทยต่อต้านรัฐประหารอย่างจำกัด นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวนหนึ่งจัดกิจกรรมเดินขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อแสดงความไม่พอใจ นักวิชาการชาวไทยมีปฏิกิริยารุนแรงต่อรัฐประหาร
โดยส่วนใหญ่แสดงความกังวลอย่างจริงจังต่อผลกระทบเชิงลบต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของไทย กลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เรียกตนว่า สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.)
ออกแถลงการณ์ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 โดยเน้นสิทธิของบุคคล ในการคัดค้านรัฐบาล
ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ทหารปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทันที ในแถลงการณ์ สปป.
กล่าวว่า
"การปกครองที่ดีนั้นไม่ใช่การปกครองด้วยการใช้กำลังบังคับข่มเหงเพียงอย่างเดียว
แต่จะต้องทำให้ประชาชนยอมรับ ทำให้ประชาชนให้ความยินยอม เป็นผู้มีวาจาสัตย์
และเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนทุกฝ่าย
หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นประชาชนเป็นศัตรูและมุ่งใช้กำลังข่มเหงเพียงอย่างเดียวเช่นนี้แล้ว
ท่านก็จะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างไม่รู้จบ
และท่านก็จะปราบปรามประชาชนไปนับไม่ถ้วน
จนกระทั่งท่านก็จะไม่เหลือประชาชนให้ปกครองอีกเลย"
นอกจากนี้ สมาชิก สปป. ยังชุมนุมกันหน้าอาคารโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันเดียวกัน
เพื่อแสดงท่าทีต่อต้านรัฐประหาร นักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนยังออกแถลงการณ์ประณามรัฐประหารและเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลาออก
เวลา 14:45 น. บริเวณทางเข้าหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เพชรรัตน์ วงศ์วิเศษ ชาวกรุงเทพมหานคร
แสดงตัวขึ้นพร้อมป้ายที่แขวนคอไว้ มีข้อความว่า "ช่วยด้วย ฉันถูกปล้น"
ซึ่งสื่อให้เห็นว่าเธอไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารในครั้งนี้
และรู้สึกไม่พอใจที่ถูกทหารปล้นประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งไม่พอใจที่คนไทยส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อการกระทำดังกล่าว
โดยสื่อต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่นานก็เดินทางกลับ และเวลา 16:55 น. มีกลุ่มประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารเริ่มตั้งกลุ่มชุมนุมบริเวณด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน
เวลา 18:00 น. ประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกมารวมตัวกัน ณ
ประตูช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อต่อต้านการแทรกแทรงทางการเมืองของกองทัพ
ตลอดจนการประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม และรัฐประหาร และเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากประตูช้างเผือกไปตามถนนมณีนพรัตน์ฝั่งคูเมืองเชียงใหม่ด้านนอก
มุ่งไปทางแจ่งศรีภูมิทางทิศตะวันออกของคูเมืองเมื่อเวลา 19.00 น. เวลา 19:47 น. กลุ่มประชาคมจุฬาลงกรณ์เพื่อประชาชน
ออกแถลงการณ์คัดค้านการทำรัฐประหารของ คสช. โดยขอให้ คสช. ประกาศยุบตัวเอง
และให้คณะรัฐมนตรีรักษาการมาดำเนินการจัดการเลือกตั้งในทันที เพื่อเป็นการยืนยันว่า
อำนาจทางอธิปไตยยังคงเป็นของประชาชน
ในวันที่ 24 พฤษภาคม มีกลุ่มบุคคลจัดการประท้วงต่อต้านรัฐประหาร
หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ สาขารัชโยธินในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีทหารพร้อมโล่ปราบจลาจลประจำอยู่] ผู้ประท้วงอีกกลุ่มหนึ่ง
มีความตั้งใจว่าจะเดินขบวน ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ถูกกำลังทหารสกัดไว้ วันเดียวกัน คสช. เรียกนักวิชาการนิยมประชาธิปไตย
แต่ผู้ถูกเรียกตัวกล่าวว่าจะไม่ยอมมอบตัวกับทหาร แม้ คสช.
ขู่ว่าผู้ที่ไม่มารายงานตัวจะได้รับโทษอาญา ในจังหวัดขอนแก่น
นักศึกษาจัดพิธีลาประชาธิปไตยหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารประจำอยู่ ในจังหวัดมหาสารคาม นักศึกษาจัดประท้วงต่อต้านรัฐประหารกลางนคร
แต่ทหารมายึดอุปกรณ์ประท้วง รวมทั้งป้ายผ้า
วันที่ 25 พฤษภาคม
มีผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารชุมนุมหน้าร้านอาหารแมคโดนัลด์ที่แยกราชประสงค์
ใจกลางกรุงเทพมหานคร แต่ทหารเข้ามายึดพื้นที่ ผู้ประท้วงอีกกลุ่มหนึ่งพยายามเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังแยกปทุมวัน
แต่ทหารสกัดไว้
วันที่ 1 มิถุนายน
มีการนัดหมายชุมนุมต้านรัฐประหารโดยไม่แจ้งสถานที่ล่วงหน้า
จึงมีการจัดเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ 38 กองร้อยประจำอยู่ตามสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร หรือตามสถานที่ที่เคยมีการชุมนุม
แต่วันนี้ไม่มีรายงานนัดชุมนุมในพื้นที่ซึ่งมีทหารและตำรวจประจำอยู่ ที่ลานหน้าห้างเทอร์มินัล
21 มีผู้ชุมนุมหลายสิบคนชูสัญลักษณ์สามนิ้วแบบภาพยนตร์เรื่องเกมล่าชีวิต ต่อมา เจ้าหน้าที่พยายามเข้าจับกุมและปิดห้างเทอร์มินัล
21 มีรายงานผู้ถูกจับกุม 4 คน สัญลักษณ์สามนิ้วเป็นตัวแทนของความเสมอภาค
เสรีภาพและภราดรภาพ กองทัพประกาศว่าจะจับทุกคนที่ใช้สัญลักษณ์ดังกล่าว
วันที่ 10 มิถุนายน เรืออากาศตรี ฉลาด วรฉัตร ฟ้อง คสช.
ปลัดกระทรวง และเจ้ากรมพระธรรมนูญ รวม 28 คน ในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยและความผิดฐานกบฏ จากการประกาศใช้กฎอัยการศึกและยึดอำนาจการปกครองประเทศ
ต่อมา แซนด์วิชกลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหารใหม่
โดยมีการจัดกิจกรรมแจกแซนด์วิชให้แก่ผู้ที่ต้องการ และตะโกนว่า
"แซนด์วิชเพื่อประชาธิปไตย!" วันที่ 22 มิถุนายน
นักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังทานแซนด์วิช และอ่านหนังสือหนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ ของจอร์จ ออร์เวลล์ อยู่หน้าสยามพารากอน และกลุ่มนักเคลื่อนไหว
ศูนย์นิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย
ที่จะจัดกิจกรรมแซนด์วิชในที่เดียวกันถูกควบคุมตัวและถูกกักขังในภายหลัง
วันที่ 24 มิถุนายน 2557 มีการเผยแพร่คลิป จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์ก่อตั้งองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
ในเพจ "องค์กรเสรีไทย" นอกจากนี้ ยังมีคลิปแถลงการณ์ภาษาอังกฤษของจักรภพ เพ็ญแข ในเพจเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์พรรคเพื่อไทยรายงานว่า จารุพงศ์ยื่นหนังสือลาออก
จากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557
นักศึกษาห้าคนถูกควบคุมตัวจากการชูสัญลักษณ์สามนิ้วจากภาพยนตร์ เกมล่าเกม ในงานที่พลเอกประยุทธ์กำลังกล่าวที่จังหวัดขอนแก่น สื่อท้องถิ่นรายงานว่า
เขาไม่รู้สึกถูกกวนใจและถามว่า "มีใครอยากประท้วงอีกไหม" ประชาไท เผยแพร่บทสัมภาษณ์นักศึกษาทั้งห้าดังกล่าวว่า
มีทหารมาสอบสวน ให้ยืนติดกำแพง ให้ยอมรับว่าพวกเขาผิด แต่พวกเขาไม่ยอมรับ
ต่อมาทหารนายนั้นแข็งขึ้น ให้เลือกสองข้อว่าจะยอมรับผิดและได้ปล่อยตัว
หรือไม่ยอมรับและสิ้นสภาพนักศึกษา ทั้งห้าคนเลือกข้อหลัง มีการบังคับถอดเสื้อ
ซึ่งนักศึกษาก็ไม่ยอมถอด จนมีการสั่งให้สารวัตรทหารเข้ามาถอด
เมื่อยังดึงดันไม่ยอมรับ ทหารจะเอาครอบครัวมากดดัน ต่อมา
ทั้งห้าได้รับการปล่อยตัว โดยไม่มีการตั้งข้อหา ทั้งนี้
มีสามคนลงลายมือชื่อรับเงื่อนไขไม่เคลื่อนไหวอีก นักศึกษาคนหนึ่งว่า
งงเหมือนกันที่ได้ปล่อยตัว
แต่จากกรณีนี้ทำให้เห็นว่ากฎอัยการศึกใช้กับพวกเขาไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะยอมหรือไม่ยอมเซ็น
ก็ได้ปล่อยตัว และไม่มีโทษทางกฎหมาย
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง หรือ คนส. เป็นกลุ่มของอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิชาการที่รวมตัวกันทำกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองหลังรัฐประหารในประเทศไทย
พ.ศ. 2557 กิจกรรมของกลุ่มที่ผ่านมามีทั้งการสัมมนาทางวิชาการ
การออกแถลงการณ์ต่อสถานการณ์ และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม
ประเด็นที่คนสนใจมักเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิทางการเมือง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เสรีภาพการแสดงออก เสรีภาพทางวิชาการ สิทธิเสรีภาพของนักศึกษา การทำกิจกรรมของเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองมักถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่รัฐการพยายามสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และในหลายครั้งผู้ร่วมกิจกรรมถูกดำเนินคดี
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่
3/2558 ที่ห้ามการชุมนุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปสมาชิกส่วนหนึ่งของเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง
เช่น พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ รองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ยุกติ
มุกดาวิจิตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เป็นสมาชิกของสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.)
ซึ่งเป็นเครือข่ายนักวิชาการที่ทำกิจกรรมรณรงค์ในช่วงก่อนรัฐประหาร 2557
ต่างประเทศ
กฎอัยการศึก
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
แถลงว่ารับทราบการประกาศกฎอัยการศึกในไทยแล้ว
พร้อมทั้งกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ยังมีความกังวลอย่างยิ่ง ต่อวิกฤตการเมืองไทยซึ่งถลำลึกยิ่งขึ้น
และเรียกร้องทุกฝ่าย เคารพหลักการประชาธิปไตย รวมถึงเคารพเสรีภาพในการสื่อสาร
สหรัฐอเมริกามีความเข้าใจว่า กองทัพบกประกาศว่าไม่ใช่รัฐประหาร
และตั้งความหวังว่ากองทัพบกจะยึดมั่นว่าเป็นเรื่องชั่วคราว เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง
และไม่บ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตย โดยทุกฝ่ายต้องร่วมกัน
แก้ไขความขัดแย้งด้วยการเจรจา เพื่อแสวงหนทางเดินหน้าต่อไป
และตอกย้ำให้เห็นความจำเป็นของการเลือกตั้ง ซึ่งจะชี้วัดความปรารถนาของประชาชนไทย
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่น แสดงความวิตกกังวลอย่างมาก
และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้น ไม่ใช้ความรุนแรง เช่นเดียวกับนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย
ที่แสดงความวิตกกังวลอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทผลิตรถยนต์ ทั้งฮอนดา, โตโยตา และนิสสัน สหภาพยุโรปเรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้งในประเทศไทย
เพื่อให้มีรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน
เพื่อผลประโยชน์ของไทยเอง รวมทั้งขอให้กองทัพ
เคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพสื่อมวลชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น